วิดีโอสอนเทคนิคการคูณสั้น
จำสูตรคูณทุกคู่อย่างเป็นอิสระต่อกัน
ปัจจัยแรกที่ช่วยให้คูณเลขเร็วคือการจำสูตรคูณแต่ละคู่ได้อย่างแม่นยำ
และจำแต่ละคู่อย่างเป็นอิสระต่อกัน สามารถเรียกใช้ได้ทันที
เช่น ต้องการคำตอบของ 8 x 6 ต้องบอกคำตอบได้ทันทีว่า 48
นักเรียนที่ท่องสูตรคูณแบบเรียงลำดับ เมื่อถึงเวลานำมาใช้ไม่สามารถเข้าถึงคู่ที่ต้องการได้ทันที
ต้องไล่เรียงตามลำดับตั้งแต่คู่แรกจนถึงคู่ที่ต้องการ เช่น ต้องการหาคำตอบของ 8 x 6
ต้องไล่ตั้งแต่
8 x 2 = 16
8 x 3 = 24
8 x 4 = 32
8 x 5 = 40
จนถึง 8x6 = 48 จึงจะได้ผลคูณเป็น 48
การท่องสูตรคูณในลักษณะนี้ แม้จำสูตรคูณได้ทั้งหมดก็ไม่ช่วยให้คูณเลขได้เร็ว เพราะไม่สามารถเข้าถึงคู่ที่ต้องการได้ทันที
หากต้องการคูณเลขเร็วสิ่งแรกที่ต้องทำคือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจำสูตรคูณ โดยฝึกจำสูตรคูณเป็นคู่ ๆ อย่างเป็นอิสระต่อกัน
สามารถเข้าถึงได้ทันที
 | |
นักเรียนสามารถฝึกได้โดยใช้เกมลูกโป่งซึ่งทำหน้าที่สุ่มสูตรคูณทีละคู่
แบบไม่เรียงลำดับ เพื่อทดสอบความจำของนักเรียน ขอให้นักเรียนตอบทันทีที่เห็นโจทย์ อย่าใช้วิธีไล่สูตรคูณตามลำดับ
แม้ในระยะแรกนักเรียนจะตอบผิด ๆ ถูก ๆ แต่ขอให้ฝึกต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ทุกวันจนชิน หลังจากนั้นนักเรียนก็จะจำสูตรคูณได้ทุกคู่ อย่างเป็นอิสระ
เหมือนจำคำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ทุกคำ
|
วิธีคูณยาว
ก่อนเริ่มวิธีคูณสั้น ขอทบทวนวิธีคูณยาวก่อน จากนั้นจะเสนอวิธีคูณสั้นโดยเปรียบเทียบกับวิธีคูณยาวที่นักเรียนคุ้นเคย
การเปรีบเทียบกับสิ่งที่คุ้นเคยจะช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
.jpg) | |
ตัวอย่างนี้เป็นการหาคำตอบของ 21 x 13 โดยวิธีคูณยาว
ตัวคูณคือ 13 แยกคูณทีละหลัก เริ่มจาก นำ 3 ไปคูณตัวตั้งคือ 21 โดยคูณทีละหลัก
3 x 1 = 3 ใส่ผลคูณคือ 3 |
.jpg) | |
3 x 2 = 6 ใส่ผลคูณคือ 6 |
.jpg) | |
1 x 1 = 1 ใส่ผลคูณคือ 1 |
.jpg) | |
1 x 2 = 2 ใส่ผลคูณคือ 2 |
.jpg)
| |
หาผลบวกของหลักหน่วย
3 + 0 = 3
ใส่ผลบวกคือ 3 |
.jpg)
| |
หาผลบวกของหลักสิบ
6 + 1 = 7
ใส่ผลบวกคือ 7 |
.jpg) | |
หาผลบวกของหลักร้อย
2 + 0 = 2
ใส่ผลบวกคือ 2 |
วิธีคูณสั้น
ตัวอย่างที่ 1
21 x 13 = ?
.jpg) | |
การคูณสั้นเริ่มจากวางตัวตั้ง,
ตัวคูณ และคำตอบ(ผลคูณ)
ไว้ในบรรทัดเดียวกัน
ตีช่องไว้ 3 ช่อง
สำหรับใส่คำตอบซึ่งเป็นเลข 3 ตัว ได้แก่
ตัวหลัง(หลักหน่วย)
ตัวกลาง(หลักสิบ)
ตัวหน้า(หลักร้อย)
|
.jpg) | |
หาคำตอบทีละตัวโดยเริ่มจากตัวหลัง
ตัวหลังของคำตอบได้จาก
คูณตัวหลังของตัวตั้งกับตัวหลังของตัวคูณ
1 x 3 = 3
|
.jpg) | |
หาคำตอบของตัวหลาง
โดยจับคู่คูณ 2 คู่ แล้วนำผลคูณมาบวกกัน
เริ่มจากคู่แรกคือ คู่นอก
คูณตัวหน้าของตัวตั้งกับตัวหลังของตัวคูณ
2 x 3 = 6
|
.jpg) | |
คู่ที่สองคือ คู่ใน
คูณตัวหลังของตัวตั้งกับตัวหน้าของตัวคูณ
1 x 1 = 1
|
.jpg) | |
นำผลคูณของทั้งสองคู่มาบวกกัน
6 + 1 = 7
ได้เป็นตัวกลางของคำตอบ
|
.jpg) | |
ตัวหหน้าของคำตอบ
ได้จากการคูณตัวหน้าของตัวตั้งกับตัวหน้าของตัวคูณ
2 x 1 = 2
|
ตัวอย่างที่ 2
24 x 53 = ?
.jpg) | |
ตัวหลังและตัวกลางของคำตอบต้องเป็นเลขหลักเดียว
ถ้าคูณแล้วได้เลข 2 หลักต้องทดไปหลักถัดไป
ส่วนตัวหน้าเป็นเลข 2 หลักได้
ตัวอย่างนี้แสดงกรณีที่มีการทดไปหลักถัดไป
ตัวหลังของคำตอบคือ 4 x 3 = 12 ใส่ 2 ทด 1
|
.jpg) | |
หาคำตอบของตัวหลาง
โดยจับคู่คูณ 2 คู่ แล้วนำผลคูณมาบวกกัน
เริ่มจากคู่แรกคือคู่นอก 2 x 3 = 6
|
.jpg) | |
คู่ที่สองคือ คู่ใน 4 x 5 = 20
|
.jpg) | |
นำผลคูณของทั้งสองคู่มาบวกกัน
และบวกตัวเลขที่ทดมาจากตัวหลังอีก 1
6 + 20 + 1 = 27
ใส่ 7 ที่ตัวกลาง แล้วทด 2 ไปตัวหน้า
|
.jpg) | |
ตัวหหน้าของคำตอบ
ได้จากการคูณตัวหน้าของตัวตั้งกับตัวหน้าของตัวคูณ
แล้วบวกตัวเลขที่ทดมาจากตัวกลาง
( 2 x 5 ) + 2 = 10 + 2 = 12
|
การวางตำแหน่งตัวตั้ง ตัวคูณ และ ผลคูณตามรูปแบบที่ผ่านมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการเปรียบเทียบกับการคูณยาว เมื่อเข้าใจหลักการคูณสั้นแล้ว
จะจัดวางตำแหน่งใหม่เพื่อให้กระชับขึ้น และกำหนดกฏเกณฑ์ให้ง่ายในการคำนวณและรองรับการคูณเลขมากกว่า 2 หลัก
ตัวอย่างที่ 3
67 x 53 = ?
.jpg) | |
ใส่ 0 ไว้หน้าตัวตั้งเท่ากับจำนวนหลักของตัวคูณ
ตัวอย่างนี้ใส่ 0 ไว้หน้าตัวตั้ง 2 ตัวเพราะตัวคูณเป็นเลข 2 หลัก
วางผลคูณไว้ใต้ตัวตั้ง
ผลคูณแต่ละหลักจะตรงกับหลักของตัวตั้งที่ใช้ในการหาผลคูณ
|
คำตอบแต่ละหลักได้จากการจับคู่ของตัวเลข 2 คู่
คู่แรกคือคู่นอก เกิดจากตัวตั้งที่อยู่เหนือตำแหน่งคำตอบจับคู่กับตัวสุดท้ายของตัวคูณ
ตามตัวอย่างนี้คู่นอกคือ 7 x 3 = 21
คู่ที่สองคือคู่ใน เกิดจากตัวตั้งที่อยู่ถัดไปทางขวาของคู่แรกจับคู่กับตัวคูณที่อยู่ถัดไปทางซ้ายของคู่แรก
คู่ในคือ 0 x 5 = 0
นำผลคูณของสองคู่มาบวกกัน 21 + 0 = 21
ถ้าได้เป็นเลขสองหลักให้ใส่หลักหน่วยและทดหลักสิบไปตำแหน่งถัดไป
ใส่ 1 ที่ตำแหน่งแรกของคำตอบ(หลักหน่วย) แล้วทด 2 ไปหลักถัดไป
.jpg) | |
เลื่อนตำแหน่งตัวตั้งของคู่นอกไปหลักถัดไป (เลื่อนไปทางซ้าย)
คู่ในถูกเลื่อนตามไปด้วย
คู่นอกคือ 6 x 3 = 18
คู่ในคือ 7 x 5 = 35
นำผลคูณของสองคู่มาบวกกัน 18 + 35 = 53
นำ 2 ที่ทดมาจากหลักทางขวามาบวกด้วย 53 + 2 = 55
ใส่ 5 แล้วทด 5 ไปหลักถัดไป
|
.jpg) | |
เลื่อนตำแหน่งตัวตั้งของคู่นอกไปหลักถัดไป (เลื่อนไปทางซ้าย)
คู่ในถูกเลื่อนตามไปด้วย
คู่นอกคือ 0 x 3 = 0
คู่ในคือ 6 x 5 = 30
นำผลคูณของสองคู่มาบวกกัน 0 + 30 = 30
นำ 5 ที่ทดมาจากหลักทางขวามาบวกด้วย 30 + 5 = 35
ใส่ 5 แล้วทด 3 ไปหลักถัดไป
|
.jpg) | |
เลื่อนตำแหน่งตัวตั้งของคู่นอกไปหลักถัดไป (เลื่อนไปทางซ้าย) คู่ในถูกเลื่อนตามไปด้วย
คู่นอกคือ 0 x 3 = 0
คู่ในคือ 0 x 5 = 0
นำผลคูณของสองคู่มาบวกกัน 0 + 0 = 0
นำ 3 ที่ทดมาจากหลักทางขวามาบวกด้วย 0 + 3 = 3
ใส่ 3 ที่ตำแหน่งสุดท้ายของคำตอบ
|
.jpg) | |
ณ ตำแหน่งสุดท้าย ตัวตั้งเป็น 0
ดังนั้นผลคูณของคู่นอก และคู่ในเป็น 0
คำตอบของตำแหน่งสุดท้ายคือเลขที่ทดมาจากตำแหน่งก่อนตำแหน่งสุดท้าย
ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเลื่อนไปถึงตำแหน่งสุดท้าย
ณ ตำแหน่งก่อนตำแหน่งสุดท้าย ให้ใส่ผลบวกทั้งหมดคือ 35 โดยไม่ต้องทด
คำตอบของ 67 x 53 คือ 3551
|
วิธีคูณสั้นตามตัวอย่างนี้สามารถประยุกต์ใช้กับตัวตั้งกี่หลักก็ได้ จำนวนหลักของตัวตั้งที่มากขึ้นหมายถึง
จำนวนคู่นอก คู่ในที่ต้องคำนวณมากขึ้น
ตัวอย่างที่ 4
627 x 53 = ?
.jpg) | |
เนื่องจากตัวคูณเป็นเลข 2 หลัก ดังนั้นใส่ 00 หน้าตัวตั้ง
เริ่มจากคู่นอกคือตัวขวาสุดของตัวตั้ง(หลักหน่วย)และตัวขวาสุดของตัวคูณ(หลักหน่วย)
ผลคูณของคู่นอกคือ 7 x 3 = 21
ผลคูณของคู่ในคือ 0 x 5 = 0
นำผลคูณของคู่นอกและคู่ในมาบวกกัน 21 + 0 = 21
คำตอบหลักแรกคือ 1 ทด 2 ไปหลักถัดไป
|
.jpg) | |
เลื่อนตัวตั้งของคู่นอกไปหลักถัดไป (หลักสิบ) คู่ในถูกเลื่อนตามไปด้วย
ผลคูณของคู่นอกคือ 2 x 3 = 6
ผลคูณของคู่ในคือ 7 x 5 = 35
นำผลคูณของคู่นอกและคู่ในมาบวกกัน 6 + 35 = 41
บวกด้วย 2 ที่ทดมาจากหลักหน่วย 41 + 2 = 43
ใส่ 3 ที่หลักสิบของคำตอบ แล้วทด 4 ไปหลักถัดไป(หลักร้อย)
|
.jpg) | |
เลื่อนตัวตั้งของคู่นอกไปหลักถัดไป (หลักร้อย) คู่ในถูกเลื่อนตามไปด้วย
ผลคูณของคู่นอกคือ 6 x 3 = 18
ผลคูณของคู่ในคือ 2 x 5 = 10
นำผลคูณของคู่นอกและคู่ในมาบวกกัน 18 + 10 = 28
บวกด้วย 4 ที่ทดมาจากหลักสิบ 28 + 4 = 32
ใส่ 2 ที่หลักร้อยของคำตอบ แล้วทด 3 ไปหลักถัดไป(หลักพัน)
|
.jpg) | |
เลื่อนตัวตั้งของคู่นอกไปหลักถัดไป (หลักพัน) คู่ในถูกเลื่อนตามไปด้วย
ผลคูณของคู่นอกคือ 0 x 3 = 0
ผลคูณของคู่ในคือ 6 x 5 = 30
นำผลคูณของคู่นอกและคู่ในมาบวกกัน 0 + 30 = 30
บวกด้วย 3 ที่ทดมาจากหลักร้อย 30 + 3 = 33
ตำแหน่งถัดไปคือตำแหน่งสุดท้าย ดังนั้นสามารถใส่ 33 ที่คำตอบ
627 x 53 = 33231
|
วิธีคูณสั้นสามารถใช้คูณตัวเลขทศนิยมได้ โดยนำจุดทศนิยมออกจากตัวตั้งและตัวคูณ จากนั้นดำเนินการคูณตามกฏข้างต้น (คูณจำนวนเต็ม)
หลังจากคูณเสร็จแล้วให้ใส่จุดทศนิยมกลับไปที่คำตอบ จำนวนตำแหน่งทศนิยมของคำตอบเท่ากับจำนวนตำแหน่งทศนิยมของตัวตั้งรวมกับจำนวนตำแหน่ง
ทศนิยมของตัวคูณ
ตัวอย่างที่ 5
62.71 x 45.3 = ?
นำจุดทศนิยมออกจากตัวตั้งและตัวคูณ นั่นคือหาผลคูณของ 6271 x 453
.jpg) | |
เนื่องจากตัวคูณเป็นเลข 3 หลัก ดังนั้นใส่ 0 หน้าตัวตั้ง 3 ตัวคือ 000
จำนวนคู่ที่คูณกันเท่ากับจำนวนหลักของตัวคูณ ดังนั้นในตัวอย่างนี้จะมี 3 คู่ คือ คู่นอก คู่กลาง และคู่ใน
เริ่มจากคู่นอกคือตัวขวาสุดของตัวตั้ง(หลักหน่วย)และตัวขวาสุดของตัวคูณ(หลักหน่วย)
ผลคูณของคู่นอกคือ 1 x 3 = 3
ผลคูณของคู่กลางคือ 0 x 5 = 0
ผลคูณของคู่ในคือ 0 x 4 = 0
นำผลคูณของสามคู่มารวมกัน 3 + 0 + 0 = 3
หลักแรก(หลักหน่วย)ของคำตอบ คือ 3
|
.jpg) | |
เลื่อนตัวตั้งของคู่นอกไปหลักถัดไป (หลักสิบ) คู่กลาง และคู่ใน ถูกเลื่อนตามไปด้วย
ผลคูณของคู่นอกคือ 7 x 3 = 21
ผลคูณของคู่กลางคือ 1 x 5 = 5
ผลคูณของคู่ในคือ 0 x 4 = 0
นำผลคูณของสามคู่มารวมกัน 21 + 5 + 0 = 26
ใส่ 6 ที่หลักสิบของคำตอบ แล้วทด 2 ไปหลักถัดไป(หลักร้อย)
|
.jpg) | |
เลื่อนตัวตั้งของคู่นอกไปหลักถัดไป (หลักร้อย) คู่กลาง และคู่ใน ถูกเลื่อนตามไปด้วย
ผลคูณของคู่นอกคือ 2 x 3 = 6
ผลคูณของคู่กลางคือ 7 x 5 = 35
ผลคูณของคู่ในคือ 1 x 4 = 4
นำผลคูณของสามคู่มารวมกัน 6 + 35 + 4 = 45
แล้วบวกด้วย 2 ซึ่งทดมาจากหลักสิบ 45 + 2 = 47
ใส่ 7 ที่หลักร้อยของคำตอบ แล้วทด 4 ไปหลักถัดไป(หลักพัน)
|
.jpg) | |
เลื่อนตัวตั้งของคู่นอกไปหลักถัดไป (หลักพัน) คู่กลาง และคู่ใน ถูกเลื่อนตามไปด้วย
ผลคูณของคู่นอกคือ 6 x 3 = 18
ผลคูณของคู่กลางคือ 2 x 5 = 10
ผลคูณของคู่ในคือ 7 x 4 = 28
นำผลคูณของสามคู่มารวมกัน 18 + 10 + 28 = 56
แล้วบวกด้วย 4 ซึ่งทดมาจากหลักร้อย 56 + 4 = 60
ใส่ 0 ที่หลักพันของคำตอบ แล้วทด 6 ไปหลักถัดไป(หลักหมื่น)
|
.jpg) | |
เลื่อนตัวตั้งของคู่นอกไปหลักถัดไป (หลักหมื่น) คู่กลาง และคู่ใน ถูกเลื่อนตามไปด้วย
ผลคูณของคู่นอกคือ 0 x 3 = 0
ผลคูณของคู่กลางคือ 6 x 5 = 30
ผลคูณของคู่ในคือ 2 x 4 = 8
นำผลคูณของสามคู่มารวมกัน 0 + 30 + 8 = 38
แล้วบวกด้วย 6 ซึ่งทดมาจากหลักพัน 38 + 6 = 44
ใส่ 4 ที่หลักหมื่นของคำตอบ แล้วทด 4 ไปหลักถัดไป(หลักแสน)
|
.jpg) | |
เลื่อนตัวตั้งของคู่นอกไปหลักถัดไป (หลักแสน) คู่กลาง และคู่ใน ถูกเลื่อนตามไปด้วย
ผลคูณของคู่นอกคือ 0 x 3 = 0
ผลคูณของคู่กลางคือ 0 x 5 = 0
ผลคูณของคู่ในคือ 6 x 4 = 24
นำผลคูณของสามคู่มารวมกัน 0 + 0 + 24 = 24
แล้วบวกด้วย 4 ซึ่งทดมาจากหลักหมื่น 24 + 4 = 28
ตำแหน่งถัดไปเป็นตำแหน่งสุดท้าย ดังนั้นให้ใส่ 28 ที่คำตอบ
|
6271 x 453 = 2840763
ตัวตั้งมีทศนิยม 2 ตำแหน่ง ตัวคูณมีทศนิยม 1 ตำแหน่ง ดังนั้นคำตอบมีทศนิยม 2 + 1 = 3 ตำแหน่ง
ใส่ทศนิยมกลับไปที่ตัวตั้ง ตัวคูณ และคำตอบ ดังนั้น 62.71 x 45.3 = 2840.763
จำนวนคู่ที่คูณกันเท่ากับจำนวนหลักของตัวคูณ ยิ่งตัวคูณมีจำนวนหลักมาก จำนวนคู่ก็จะมากตาม ทำให้มีตัวเลขที่ต้องคำนวณ และทดไปหลักถัดไปมาก
ปัญหานี้แก้ไขได้โดยนำวิธีคูณซ้ายขวา เข้ามาช่วย
เกมช่วยฝึกคูณเลขเร็ว
 | |
เกมลูกโป่งเป็นเกมที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยนักเรียนฝึกความเร็วในการคูณเลขในใจ
ตัวเกมทำหน้าที่สร้างโจทย์คูณเลขและเฉลยคำตอบ โดยผู้เล่นสามารถกำหนดระดับความยากง่ายของโจทย์ให้เหมาะกับความสามารถของตัวเอง
เริ่มตั้งแต่กำหนดให้เกมสร้างโจทย์คูณเลขที่ตัวตั้งและตัวคูณเป็นเลขหลักเดียวอยู่ในช่วง 2 - 9 เพื่อทบทวนความแม่นยำในการจำสูตรคูณ แม่ 2 ถึงแม่ 9
สูตรคูณแม่ 2 ถึงแม่ 9 เพียงพอสำหรับการคูณเลขทุกจำนวน เพราะการคูณเลขหลายหลักทำโดยคูณทีละหลัก สิ่งสำคัญอยู่ที่การจำสูตรคูณต้องจำได้แม่นยำและรวดเร็ว
หลักจากจำสูตรคูณทุกคู่ได้อย่างแม่นยำแล้ว ให้เพิ่มระดับความยากของโจทย์ขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อฝึกความชำนาญในการคูณ
... คลิกที่นี่เพื่อเล่นเกมลูกโป่ง ...
|
พัฒนาทักษะการคูณ
 | |
การรู้เทคนิคการคูณช่วยให้คูณเลขได้เร็ว แต่ถ้าไม่ฝึกปฏิบัติจะคูณเลขได้ไม่เร็วเท่าที่ควร เพราะการคูณเร็วส่วนหนึ่งมาจาก
ทักษะที่ถูกพัฒนาขึ้นมา ซึ่งต้องใช้เวลาฝึก
ขอแนะนำให้ใช้เวลาว่างช่วงเดินทางบนท้องถนนสำหรับฝึก โดยใช้
ตัวเลขในแผ่นป้ายทะเบียนรถที่วิ่งอยู่รอบตัวเราเป็นโจทย์ การฝึกแบ่งเป็น 2 ระดับ
|
ฝึกระดับ 1
เป็นการฝึกความแม่นยำในการจำสูตรคูณ โดยเฉพาะผู้ที่จำสูตรคูณแบบเรียงลำดับ ต้องฝึกระดับ 1 มาก ๆ
เพื่อให้สามารถจำสูตรคูณแบบแต่ละคู่เป็นอิสระต่อกัน
วิธีฝึก นำตัวเลขในทะเบียนรถมาคูณกัน เริ่มจากคูณเลข 2 ตัว
เช่น 3 x 8, 8 x 2 ฯลฯ จากนั้นเพิ่มเป็น 3 ตัว เช่น 3 x 8 x 2 และเพิ่มเป็น 4 ตัวตามลำดับ
การคูณเลข 4 ตัว ในทางกฤษฏีคูณตัวไหนก่อนหลังก็ได้คำตอบในขั้นสุดท้ายเท่ากัน
แต่ในทางปฏิบัติการเลือกคูณตัวไหนก่อนมีผลต่อความยากง่ายไม่เท่ากัน
 | |
ตัวอย่างนี้ควรเลือก 8 x 5 ก่อน เพราะได้ผลคูณเป็น 40
ตัวเลขที่ลงท้ายด้วย 0 จะช่วยให้คูณเลขง่ายในขั้นตอนถัดไป
จากนั้นเลือกคู่ที่เหลือคือ 3 x 3 = 9
คำตอบในขั้นตอนสุดท้ายคือ 40 x 9
ซึ่งเป็นการคูณเลขหลักเดียวคือ 4 x 9 = 36
ส่วนเลข 0 นำมาเติมท้ายโดยไม่ต้องคูณ
|
ฝึกระดับ 2 ฝึกคูณเลข 2 หลัก โดยแบ่งเลขในแผ่นป้ายทะเบียนรถเป็น 2 กลุ่ม
สองหลักแรกเป็นตัวตั้ง
สองหลักหลังเป็นตัวคูณ เช่น 38 x 21
จากนั้นหาผลคูณโดย วิธีคูณสั้น
เมื่อฝึกจนชำนาญแล้ว จะพบว่าการคูณเลขสองหลัก
ในใจเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย Copyright (C) 2011-2025 All rights reserved.
|